IOT นั้นย่อมาจาก “ Internet Of Things ” แปลแบบไทย ๆ อินเตอร์เน็ตสำหรับทุกสิ่ง ( พอแปลเป็นไทยแล้วมันทะแม่ง ๆ )
หลายคนคงได้ยินรัฐบาลวาระนี้พูดถึง Thailand 4.0 หรือ Industry 4.0 กันบ่อย ๆ ซึ่ง IOT นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Industry 4.0 ที่ท่านผู้นำกำลังผลักดันอย่างเต็มที่
IOT นั้นมีหลายแบบหลายประเภท แต่สิ่งที่เป็นต้นกำเนิดของ IOT มาจากงานภาคอุตสาหกรรม
ก่อนอื่นผมขอเล่าถึงอุตสาหรรมยุคต่าง ๆ กันก่อน เพื่อจะได้ไม่สงสัยที่อยู่ดี ๆ กลายเป็น Industrial 4.0 ได้อย่างไร
อ้างอิง : https://www.it24hrs.com/wp-content/uploads/2017/01/thailand-4-0-g.png
1. Industry 1.0 หรือ อุตสาหกรรมยุค เครื่องจักรไอน้ำ ( Stream engine )
ในยุคแรกของอุตสาหกรรมเค้าเริ่มนับกันตั้งแต่สมัยที่เริ่มมีเครื่องจักรไอน้ำ
ซึ่งเครื่องจักรพวกนี้ถูกสร้างมาแทนที่ กำลังจากมนุษย์และสัตว์ เพื่ออำนวยความสะดวกและทุนแรงงาน
เช่น รถไฟเครื่องจักรไอน้ำ ( Steam locomotive ) และเรือขนส่งทางน้ำที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำ ( Steamboat )
ยุคนี้ในไทยน่าจะเป็นช่วงสมัยราชกาลที่ 5 ที่มีการนำรถไฟเครื่องจักรไอน้ำเข้ามาใช้ในประเทศไทย
2. Industry 2.0 หรือ อุตสาหกรรมยุค เครื่องจักรไฟฟ้า ( Electrical )
ในยุคนี้นั้นมนุษย์สามารถคิดค้น , ผลิต และ นำไฟฟ้ามาใช้ทำให้เกิดเครื่องจักรมากมายที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
ข้อดีของเครื่องจักรไฟฟ้านั้น มีการดูแลรักษาที่งานกว่า , มีหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ และได้ประสิทธิภาพมากกว่า
เครื่องจักรไอน้ำ
3. Industry 3.0 หรือ อุตสาหกรรมยุค อิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic )
หลักจากยุคก่อนที่ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรม การพัฒนานั้นก้าวกระโดด
ทำให้เกิดการวิจัยเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ และนำอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ในงานอุตสาหรกรรม
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยควบคุมเครื่องจักรต่าง ๆ
ที่เราเรียกกันว่า “ PLC “ ( Programmable Logic Controller ) ทำให้อุตสาหกรรมนั้นเดินหน้าอย่างรวดเร็ว
4. Industry 4.0 หรือ อุตสาหกรรมยุค อินเตอร์เน็ต ( Internet Of Thing )
ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากทุกคนนั้นมีมือถือ และคอมพิวเตอร์
ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ ทำให้เกิดข้อมูลมากมายมหาศาล ส่งผลให้บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ นำข้อมูลในส่วนนี้
ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ เส้นทางการเดินทางของลูกค้า และอื่น ๆ ไปประมวลผล , วิเคราะห์เพื่อหากลยุตธ์ที่จะนำมาทำธุระกิจให้เกิดผลประโยชน์มากขึ้น
จะเห็นได้ว่าในยุค Industry 4.0 นั้นทำให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านบริษัทการตลาด
บริษัท Trading ต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้กับทางบริษัทอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น
บริษัทหนึ่งมีข้อมูลลูกค้าที่ Check in สถานที่ใน Facebook ซ้ำ ๆ ที่เดิม
บริษัทนั้นก็นำข้อมูลไปเสนอแก่ห้างร้านที่อยู่ในบริเวณที่ลูกค้า Check in
เพื่อทำการส่ง Promotion ต่าง ๆ ทำให้เกิดการโฆษณา เป็นต้น
ที่กล่าวมาข้างต้นคือ อุตสาหรกรรมยุค 1.0 – 4.0
คราวนี้เรามาดูกันว่า IOT นั้นคืออะไร , มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และหน้าที่การงานของคนทั่วไปจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ?
----------------------------------------------------------------------------------------------------
IOT หรือ Internet Of Thing
ถ้าเราจะแปลความหมายตรง ๆ ตัว คือ “อินเตอร์เน็ตสำหรับทุกสิ่งอย่าง” ( แปลแล้วมันฟังดูแปลก ๆ )
ผมได้อ่านบทความของทาง Thingworx ( IOT Platform ของบริษัท PTC ) เกี่ยวกับการเริ่มต้นสร้าง IOT
อ้างอิง : https://www.ptc.com/en/digital-transformation/manufacturing
ผมขอทำการแบ่งระดับการใช้งาน IOT ออกเป็น 3 ขั้นตอน ( โดยอ้างอิงจากบทความของทาง PTC )
1. Understand
เป็นระดับขั้นเริ่มต้มการทำ IOT โดยทำการนำข้อมูลจากสิ่งของ หรือสิ่งที่สนใจ
เข้ามาทำการตรวจสอบและแสดงผล
ในส่วนตรงนี้เราได้ประโยชน์พอสำควรเกี่ยวกับทางด้านการตรวจเช็คอุปกรณ์หรือข้อูมูลที่ไหลเข้ามา
ข้อมูลบางจุดอาจจะถูกต้อง ,บางจุดมีความผิดพลาด หรือบางจุดอาจจะไม่สามารถส่งข้อมูลได้
ทางคนพัฒนาก็จะสามารถทำการแก้ไขในส่วนนี้
เพื่อให้ข้อมูลที่เราสนใจมีความเที่ยงตรงและถูกต้อง ก่อนที่จะทำการในระดับต่อไป
ในการพัฒนาในระดับนี้นั้นจะเน้นหนักไปทางการทำ Hardware ,การเชื่อมต่อข้อมูล หรือวิธีการเก็บข้อมูลต่าง ๆ
บางทีมพัฒนาอาจจะใช้ Arduino ,Raspberry PI ในการพัฒนา หรืออาจจะทำการเชื่อมต่อข้อมูลจาก PLC
2. Advance
การที่จะสามารถพัฒนาระดับ Advance เราต้องทำในส่วนระดับ Understand ก่อน
เนื่องจากถ้าหากเรายังไม่ทราบข้อมูล หรือยังไม่มีข้อมูลในระบบ เราจะไม่สามารถทำอะไรต่อได้เลย
ระดับ Advance จะเป็นขั้นตอนการนำข้อมูลมาวิเคาระห์ ( Data Analytic ) ,Augmented Reality ( AR ) หรือการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ
3. Outperform
หลังจากพัฒนา IOT มาจนถึงระดับ Advance เราจะสามารถเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง
สามารถนำมาทำการประเมิณประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจ ,ปรับแผนการทำงาน
คิดค้นกลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลกำไรนอนาคต
------------------------------------------------------------------------------
จากที่ผมเล่ามาทั้งหมด สรุปสั้น ๆ เป็นภาษาคน
IOT หรือ Internet Of Thing คือการเก็บข้อมูลจากทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า , คอมพิวเตอร์ ,
เส้นทางการคมนาคม , พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ฯลฯ ( IOT สามารถเก็บข้อมูลได้จากทุกสิ่งอย่างจริง ๆ )
เอามาทำการแสดงผล ,ทำการวิเคราะห์ข้อมูล ,ทำนายอนาคต ( ไม่ใช่ดูดวงนะครับ )
ซึ่งทุกอย่างจะเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีคนไปทำการจัดเก็บข้อมูลหรือนำมาวิเคราะห์